
ตื่นเช้ามาเจอฟ้าครึ้ม ฝนตกหนัก ใจก็รู้สึกเนือย ๆ อาจไม่ใช่แค่อยากนอนขดใต้ผ้าห่ม แต่ส่งผลถึงควากระปรี้กระเปร่าที่พร้อมทำงานในวันนั้นด้วย
ฝนตกทีไร พลังงานก็ตกตามด้วยจริงไหม ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าบางที Productivity ที่เราเคยคิดว่าคือ “ต้องเร็ว ต้องไว ต้องทัน” อาจไม่ใช่สิ่งที่ ต้องทำทุกวัน แต่อาจเริ่มจากความเข้าใจในกระบวนการ และสร้างวิธีที่ทำให้คืบหน้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ
.
มาดูวิธีที่เป็นเหมือนร่มให้สมองให้งานคืบหน้าได้ แม้ในวันที่ฝนพรำ
Productivity ไม่ใช่เรื่องเร็ว แต่คือการไม่หยุด แม้ในวันเนือย อาจจะช้าลงไปบ้าง แต่ค่อย ๆ ไปทีละขั้นตอนเล็ก ๆ
ทำงานตามพลังวันนี้ ไม่ใช่ตามตารางเมื่อวาน เพราะร่างกายและใจวันนี้ ไม่ได้มีพลังงานเท่าเมื่อวาน ก็เปลี่ยนแผนสร้างความยืดหยุ่นให้เหมาะกับพลังงานตัวเอง
รีเซ็ตได้ ถ้ารู้ว่าเหนื่อย อย่าฝืน ก่อนจะกลายเป็น Burnout การหยุดพักเพื่อตั้งหลักไม่ใช่ความล้มเหลวสำหรับวันนี้
แบ่งงานใหญ่ให้เล็กลงตามความเหมาะสม และจัดลำดับความสำคัญ แล้วเลือกทำแค่งานเดียว จากต้องเคลียร์ทั้งหมด เหลือแค่ทำสิ่งเดียวให้จบวันนี้ก่อน แล้วที่เหลือจะง่ายขึ้น
ทำสิ่งเล็ก ๆ ให้เสร็จ จะสร้างแรงส่งโดยไม่ต้องฝืน เช่น ล้างจาน ตอบอีเมล เก็บโต๊ะ แค่หนึ่งงานเล็กก็สร้างจังหวะให้ลื่นไหลขึ้นได้
เนิบได้ แต่อย่าดับ สร้างความคืบหน้างานทีละนิด ก็ถือว่าเก่งมากแล้วในวันที่พลังเหลือน้อย
ตัดสิ่งรบกวนชั่วคราว ให้ใจได้โฟกัสกับสิ่งตรงหน้า เช่น กำหนดเวลาปิดแจ้งเตือน / ปิดแท็บ / ปิดเสียงคนรอบข้าง แล้วตั้งใจอยู่กับสิ่งเดียว
เปิดเพลงหรือใช้โอกาสเสียงฝน สร้างบรรยากาศให้ใจนิ่งขึ้น
ไม่ต้องเป๊ะ แค่พยายามอย่างเท่าที่ไหว เพราะพลังของมนุษย์ไม่ได้มาจาก “แรง” อย่างเดียว แต่ต้องใจดีกับตัวเองด้วย